Read more: http://nanfufu.blogspot.com/2012/05/blog-post_3639.html#ixzz46BxujGXc

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

"แค่ปล่อยก็ลอยตัว"


อันความจริง ตัวกู มิได้มี
แต่พอโง่ มันก็มี ขึ้นจนได้
พอหายโง่ ตัวกู ก็หายไป
หมด ตัวกู เสียได้ เป็นเรื่องดี
เหตุดังนั้น จงถอน ซึ่ง ตัวกู
และถอนทั้ง ตัวสู อย่างเต็มที่
คงมีแต่ ปัญญา และ ปราณี
หน้าที่ใคร ทำได้ดี เท่านี้เอย

พุทธทาสภิกขุ

แค่ปล่อยก็ลอยตัว

           คนทึไปยึดติดความทุกข์ว่าคือสุข เหมือนคนที่กอดเม่นแล้วนอนคลุมโปงในหน้าหนาว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากอด และเราคิดว่าเป็นความสุขโดยเนื้อแท้มันเป็นความทุกข์ สิ่งนั้นกัดเราแน่นอน

           อุบาสิกาคนหนึ่งเคยฝากทุเรียนไปถวายท่านพุทธทาสโยมแกเป็นโรคเก๊าต์ เขียนจดหมายแนบไปด้วยว่าด้วยอานิสงส์ที่ดิฉันถวายทุเรียนแด่พระคุณเจ้าหากพระคุณเจ้าฉันทุเรียนของดิฉันแล้ว
ขอให้ดิฉันหายจากอาการเจ็บขาด้วยเถิด

          ท่านพุทธทาสตอบจดหมายได้แหลมคมมากท่านเขียนตอบไปว่า อยากให้ขาหายปวดมันแก้ง่ายนิดเดียวทีหลังไม่ต้องเอาทุเรียนมาติดสินบนอาตมาแค่ถอนความเชื่อมั่นว่า"นี่ขาของกู"แค่นั้นมันก็ไม่ทุกข์แล้ว

          ปวดขามันเป็น"ทุกขเวทนา"(ความรู้สึกทุกข์ทางกาย)แต่ถ้าคิดว่าเป็นขาของกู มันเป็นทุกข์โทมนัส(ทุกข์ทางใจ)ถ้ารู้ทันทุกข์ ทุกข์เวทนาจะไม่เป็นทุกขโทมนัสและทุกข์โทมนัสจะไม่กลายเป็นทุกข์ทรมานซึ่งยืดเยื้อเรื้อรังไม่จบ

          มนุษย์ส่วนใหญ่ที่เป็นทุกข์ เป็นทุกข์สองต่อเป็นดับเบิ้ลทุกข์เพราะเอาทุกขเวทนามาเป็นทุกข์ทรมานสิวขึ้นหน้าเม็ดหนึ่งแต่ใม่กล้าไปหาแฟน ใม่กล้าเข้าสังคม ขาดความเชื่อมั่นไปหาหมอ หมดค่าดูแลสิวเม็ดหนึ่งบางทีเป็นพันเป็นหมื่นเพราะคิดว่าสิวขึ้นที่หน้ากูถ้ามันไม่มีหน้ากูมันจะทุกข์เพราะสิวเม็ดหนึ่งไหม

          กำจัดความรู้สึกว่าตัวกูเสียได้ ตรงนั่นแหละคือบรมสุขบรมสุข ไม่ได้หมายความว่า ต้องทานอาหารที่อร่อยที่สุดนั่งรถที่แพงที่สุด มีเงินให้มากที่สุดความจริงนั่นแหละคือบรมทุกข์ ที่รอเวลาอยู่ต่างหาก
พราะเราไปเข้าใจว่าทุกข์มันเป็นสุขพอความทุกข์มันสำแดงธาตุแท้ออกมาเราจึงทุกข์มากกว่าชาวบ้านชาวเมืองยิ่งมีมากยิ่งทุกข์มากยื่งมีน้อยยิ่งทุกข์น้อยยิ่งไม่มียิ่งไม่ทุกข์

เรียบเรียงจาก หนังสือ" แค่ปล่อยก็ลอยตัว"ของท่าน ว.วชิรเมธี



1 ความคิดเห็น: